ความ "ท้าทายใหม่" ในยุค Bluetooth Speaker และ 5 ดาวเด่นที่น่าจับตามอง

ความ "ท้าทายใหม่" ในยุค Bluetooth Speaker และ 5 ดาวเด่นที่น่าจับตามอง

ในยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไป ทุกคนมีชีวิตอิสระในการเชื่อมต่อ Content ต่างๆในลักษณะของ Streaming   ทำให้การเข้าถึงความบันเทิงรูปแบบต่างๆสามารถทำได้ง่าย ทุกที่ ทุกเวลา ซึ่งไม่เว้นแม้กระทั้งเรื่องของการฟังเพลงที่เดี๋ยวนี้ค่ายยักษ์ใหญ่ในวงการเครื่องเสียงหันมาพัฒนาเครื่องเสียงที่บรรจุเทคโนโลยีไร้สายเข้าไปอย่างหลากหลาย อิทธิพลดังกล่าวส่งมาถึงยุคของ Wireless Speaker ที่ใช้เทคโนโลยี Bluetooth ในการเชื่อมต่อ นับว่าเป็นการเปลี่ยนเข้าสู่ยุคใหม่แห่งความท้าทายของผู้ผลิตเครื่องเสียงและสิ่งที่ทำให้ผมเริ่มสนใจ Bluetooth Speaker ด้วยข้อจำกัดทางการออกแบบที่แสนท้าทาย 4 ส่วนหลัก ดังนี้ครับ

1. คุณภาพเสียง - เป็นปัจจัยสำคัญที่สุดของเครื่องเสียงทุกประเภท และผมก็ยังย้ำว่าคุณภาพเสียงที่ดีนั้น ต้องเริ่มจาก Tonal Balance ที่ลงตัว คือ แหลม กลาง เบส ต้องมีสัดส่วนที่พอเหมาะพอดีได้สัดส่วน เพราะเครื่องเสียงใดที่ขาดเสียงเบสแล้ว ต่อให้ดียังไงก็ไม่กลมกล่อมอยู่ดี แม้กระทั้ง Bluetooth Speaker ที่ต้องสร้างพลังเสียงเบสให้กลมกล่อม พอเหมาะพอดีในขนาดตัวเพียงฝ่ามือ

2. ขนาดพกพาสะดวก - การจะสร้างพลังเสียงเบสที่กลมกล่อม ในขนาดเพียงฝ่ามือ เป็นอะไรที่ท้าทายสำหรับผู้ผลิตมาก เพราะในวงการ Audiophile ที่ผมท่องยุทธภพอยู่นั้นมุ่งนั้นการออกแบบลำโพงที่ไร้ความเพี้ยน ตอบสนองอย่างราบเรียบ ถูกต้องและเที่ยงตรง  แต่ในยุคของ Bluetooth Speaker การสร้างสนามเสียงจำลองรวมถึงการออกแบบ Passive Speaker เพื่อสร้างเสียงเบส ดูจะมีความจำเป็นที่จะทำให้เสียงเบสมีขนาดที่ใหญ่โต สวนทางกับขนาดลำโพงที่มีขนาดเพียงไม่ถึงสองนิ้ว ซึ่งเป็นเรื่องท้าทายและน่าสนใจสำหรับการออกแบบลำโพงขนาดเล็ก

3. แบตเตอรี่ - คงไม่มีความหมายอะไรถ้าพกพาได้แต่ไร้ซึ่งพลังงานที่สามารถใช้ไดตลอดทั้งวัน ดังนั้นเพื่อให้ได้คุณภาพเสียงที่ดี แอมป์ต้องมีกำลังขับที่เพียงพอ (Audiophile เขาว่างั้น) ดังนั้นการออกแบบลำโพงขนาดเล็กก็เช่นเดียวกัน แอมป์ที่ขับลำโพงต้องมีกำลังขับที่มากมายเพียงพอที่สร้างพลังเสียงเบสที่กลมกล่อมได้ แต่ก็ต้องสวนทางกับการใช้พลังงาน ที่ต้องกินพลังงานที่ต่ำ ใช้ได้ตลอดทั้งวัน ..จึงเป็นความท้าทายอย่างยิ่งยวดในการออกแบบภาคขยายที่ทรงพลัง แต่ใช้ไฟต่ำอีกด้วย..และเมื่อทรงพลังแต่กินไฟต่ำ สิ่งที่จะตามมานั้นก็คือความเพี้ยนอย่างมหาศาล.. แต่ก็อีกเช่นเคย ผู้ผลิตเหล่านั้นต้้องจัดการกับความเพี้ยนที่ไม่พึงประสงค์ออกให้หมดครับ

4. การเชื่อมต่อ - นอกจากขนาดต้องเล็ก แบตต้องทน เสียงต้องดี มันยังมากับข้อจำกัดในการออกแบบระบบการเชื่อมต่่อ ที่ต้องเสถียรและทำงานได้ต่อเนื่องไว้ใจได้ รวมทั้งมันต้องฉลาดพอที่จะไม่ทำให้เราหงุดหงิดเวลาเชื่อมต่อ Bluetooth อีกด้วยครับ


เอาล่ะ ด้วยสาเหตุปัจจัยทั้ง 3 ข้อที่กล่าวมา ดูเหมือนว่า Wireless Speaker ก็เข้ามานั่งอยู่กลางใจผมทันที ผมรู้สึกหลงไหลและคลั่งไคร้กับสิ่งมหัศจรรย์อย่างรวดเร็ว ซึ่งเท่าที่ผมหาข้อมูลจากอินเตอร์เนท มีผู้ผลิตมากมายหลากหลายยี่ห้อที่ให้ความสนใจในการพัฒนา Wireless Speaker กันมากยิ่งขึ้น โดยยี่ห้อที่โดดเด่่นตามที่หาข้อมูลและทดลองฟัง มีดังนี้

1. Bose Sound Link Mini - ด้วยขนาดเพียงฝ่ามือ แต่ลำโพงวางหิ้งขนาด 4-6 นิ้วต้องมีหนาว กับพลังเสียงเบสที่ได้ยินล่ะครับ แถมยังมาพร้อมกับ Aluminium Uni-Body ที่สวยงาม เรียบหรู ดูดีมากๆ มาพร้อมกับ Docking ที่เสียบสายชาร์ตได้อย่างง่ายด่าย เพราะหยิบพกพาออกไปได้ทุกทีที่ต้องการ ไม่ต้องดึงสาย Adapter เข้าๆออกๆ ให้เมื่อยตุ้มครับ ซึ่งแนะนำสำหรับตำแหน่งการวาง ควรวางบนพื้นใดๆก็ได้ที่มั่นคงแข็งแรงหน่อย รวมถึงให้ด้านหลังห่างจากกำแพงสักไม่เกิน1 ฟุต รับลองว่าพลังเสียงเบส ลำโพงวางหิ้งตัวเล็กๆต้องมีหนาวแน่นอนครับ


2. JBL Charge 2 - Bluetooth Speaker ที่ดีที่สุดของ JBL  โดยเฉพาะแนวเสียงที่เปิดกระจ่าง เบสที่ทรงพลัง ผมว่ามันเป็นลำโพง Bluetooth ที่เสียงดุดันและทรงพลังที่สุดในตลาดขณะนี้เลยก็ว่าได้ครับ เสียอย่างเดียวที่หน้าตาอาจไม่หรูหราอย่าง Bose Sound Link Mini ก็แค่นั้นเอง แต่หากใครที่ชอบเสียงออกโทนใสๆหน่อยล่ะก็ JBL Charge 2 มันตอนโจทย์ดีนักแล  และอีก Feature เด่นของมันก็คือ มันสามารถกลายร่างเป็น Power Bank เพื่อชาร์ตไฟให้กับโทรศัพท์มือถือได้ด้วย ด้วยแบตเตอรี่ที่ให้มาถึง 6,000 มิลลิแอมป์เทียบเท่ากับการชาร์ต iPhone ได้ 2 ครั้งนั้นเองครับ

3. Sony X5 - มันผิดแนว Sony ไปเยอะเลย เพราะเสียงที่ฟังจาก X5 ให้ Tonal Balance ที่ดีมากๆ กลมกล่อม ไม่บาดหู ต่อเนื่อง ลื่นไหล เสียงกลางที่โดดเด่นไพเราะ .ออกแนวเสียงที่ค่อนข้างนุ่มนวล แตกต่างจากแนวเสียงถนัดของยี่ห้อนี้ไปพอควร แต่มีข้อเสียอย่างเดียวคือ ไม่สามารถฟังพร้อมกับชาร์ตแบตเตอรี่ไปพร้อมๆกันได้ ซึ่งผมก็ไม่ค่อยเข้าใจในการออกแบบของเขาสักเท่าไหร่ครับ แต่อย่างไรก็ตาม Sony X5 ก็ยังเป็นลำโพง Bluetooth ที่ให้คุณภาพสูงมากถ้าเทียบกับราคา


4. Denon Envaya - ไม่คิดว่า Denon แบรนเครื่องเสียงชั้นนำ จะเข้ามาแข่งขันในตลาด Bluetooth Speaker ด้วย แต่อย่างไรก็ตามมันออกแบบมาได้อย่างน่าสนใจ ด้วยรูปลักษณ์ทีทันสมัย เปลี่ยนหน้ากากได้ ซึ่งแถมมาพร้อมในกล่องถึง 4 สี ซึ่งเราก็สามารถปรับเปลี่ยนได้เองตามใจชอบ แต่หากยังไม่สะใจก็ยังสามารถหาซื้อมาเปลี่ยนเพิ่มเติมได้อีกด้วยครับ  แนวเสียงของ Envaya คงแนวของDenon ไว้ค่อนข้างชัดเจน ด้วยความโดดเด่นทางด้านเสียงกลางที่ลื่นไหล กระจาง ออกแนวชัด นิ่ง ใส แต่ไม่ได้ติดหวานสักเท่าไหร่ครับ ยังสามารถฟังเพลงโจ๊ะๆได้สนุกอยู่พอควร แต่ผมติดเรื่องหน้าตาของมันเท่านั้นที่เวลาถือไปไหนต่อไหนมันเหมือนกระเป๋าเก็บค่าเช่าแผงตลาดสดยังไงไม่รู้ ...อ้อ เจ้า Envaya มันมาพร้อมกับ NFC ด้วยนะครับ

5. Bowers & Wilkins T7 ยี่ห้อนี้พูดไป หลายๆคนอาจไม่รู้จัก แต่สำหรับคอ Audiophile ผมเชื่อว่าต้องรู้จักกันทุกคน เพราะเป็นผู้ผลิตลำโพงที่ขึ้นชื่อว่าเสียงเที่ยงตรงที่สุดในโลก และยี่ห้อนี้ก็เป็นลำโพงระดับ Monitor ที่อยู่ในสตูดิโอและห้องอัดชั้นทั่วโลก  เอ้าาา กลับมาเรื่องเจ้า T7 กันสักหน่อย ซึ่งเจ้า T7 มีความน่าสนใจด้วย Design การออกแบบเที่เรียบหรู ดูดี ..แนวเสียงที่เน้นกลาง กลางมากๆ สะอาด ไร้การแต่งแต้มสีสันในเส้นเสียง หากใครชอบลำโพงที่เสียงเรียบๆ ฟังสบาย ลื่นไหล และไม่มีปัญหาเรื่องบประมาณ B&W T7 ตัวนี้ตอบโจทย์ตรงเผงครับ


เอาล่ะอย่างน้อยบทความเล็กน้อยๆนี้ก็หวังว่าจะทำให้ท่านหันมาสนใจ Bluetooth ไม่มากก็น้อย แต่สำหรับคนที่หาข้อมูลว่าจะเล่นรุ่นไหนดี ก็ลองพิจารณาจาก 5 ยี่ห้อ 5 รุ่นที่ผมแนะนำไว้ข้างต้นเป็นตัวเลือกในการเลือกซื้อของท่านด้วยนะครับ รับประกันว่าไม่ผิดหวังแน่นอนครับ



ความคิดเห็น